ต้นหอมแดงเป็นผักที่นิยมใช้ในการทำอาหารแทบทุกเมนู เพราะมีรสชาติหอม ๆ และอร่อย นอกจากนี้ การปลูกต้นหอมในกระถางก็ง่ายมาก ไม่ว่าจะมีสวนหรือไม่ก็สามารถปลูกได้โดยง่าย
การดูแลต้นหอมไม่ต้องยุ่งยากเลย มันโตเร็วและไม่ต้องการการดูแลมากมาย คุณสามารถปลูกไว้ในกระถางในบ้านได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องมีสวนหรือที่ว่าง ๆ อีกด้วย
นอกจากนี้ ต้นหอมยังมีประโยชน์มากมายในการทำอาหาร แต่กลิ่นดอกไม้ช่วยได้ เช่น ใส่ลงไปในข้าวผัด ไข่เจียว หรือซอยไปใส่หน้าซุปหรือไข่ตุ๋นก็อร่อยและเพิ่มรสชาติให้กับอาหารอีกด้วย
ต้นหอม ผักที่ใครต่อหลายคนมองข้ามประโยชน์ของมันไป
ต้นหอมแดงเป็นผักที่มักถูกละเลยไปในบางครั้ง เพราะคนมักคิดว่ามันใช้เพียงเพื่อโรยหรือมีกลิ่นแรง แต่คุณอาจจะไม่เคยคาดความสามารถของต้นหอมได้ว่ามันมีประโยชน์มากมายเกินกว่าที่คุณคิด
ต้นหอมเป็นพืชที่เติบโตเป็นลูกลำต้นเล็กๆ คล้ายกับกระเทียม เป็นผักที่มีประโยชน์เหมือนกับไฮโดรโปนิกส์ มีหัวสีขาวหรือม่วงอยู่ใต้ดินซึ่งทำหน้าที่สะสมอาหาร ใบมีลักษณะยาวแบนปลายแหลม และมีกลิ่นฉุนที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อดอกบานจะเป็นช่อสีขาวที่ยาวโดยมีก้านช่อยาว เมื่อต้นหอมติดดอกแล้ว มีดอกย่อยที่เยอะมาก
ต้นหอมสามารถบริโภคได้ทั้งใบ ดอก และหัว โดยมีปริมาณพลังงานและสารอาหารต่าง ๆ ดังนี้
- พลังงาน : 32 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม
- โซเดียม : 16 มิลลิกรัม
- คาร์โบไฮเดรต : 7.3 กรัม
- เส้นใย : 2.6 กรัม
- น้ำตาล : 2.3 กรัม
- โปรตีน : 1.8 กรัม
- โพแทสเซียม : 276 มิลลิกรัม
นอกจากนี้ ต้นหอมยังมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ นิยมใช้เป็นผักเครื่องเคียงในการทำอาหารต่าง ๆ ซึ่งเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมลงในอาหารด้วย
ต้นหอมมีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย
- มีน้ำมันหอมระเหย ช่วยบรรเทาอาการหวัด
- มีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยต้านมะเร็ง
- ช่วยป้องกันอาการท้องผูกและลดระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด
- ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันและต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
- ลดความเสี่ยงจากโรคกระดูกพรุนด้วยคุณสมบัติของแคลเซียมและฟอสฟอรัส
- ป้องกันภาวะโลหิตจาง
- ช่วยขับเหงื่อ และแก้อักเสบบวมแดง ป้องกันโรคหวัดเย็น
- แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย และช่วยขับพยาธิ
- มีสารเคอร์ซิตินที่ช่วยป้องกันการอักเสบและการติดเชื้อของแบคทีเรียและไวรัส ช่วยป้องกันอาการแพ้ ป้องกันมะเร็ง และชะลอความชรา ช่วยป้องกันอาการภูมิแพ้ได้
- ใช้แก้หวัด คัดจมูก และลดไข้
- ใช้สำหรับการตำผิวหนังเพื่อแก้แมลงสัตว์กัดต่อย
- กระตุ้นการหลั่งน้ำนมเพิ่มขึ้น
- สามารถลดระดับไขมันในเส้นเลือดได้
ต้นหอมกับหอมแดงอันเดียวกันไหม
ในทางวิทยาศาสตร์ ต้นหอมและหอมแดงมีลักษณะทางพฤษภาคคล้ายกันแต่กลับเป็นสปีชีส์ต่างกัน ต้นหอมมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Allium schoenoprasum ในขณะที่หอมแดงมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Allium cepa. การต่างกันระหว่างทั้งสองอย่างนั้นอยู่ที่ลักษณะของดอกและลักษณะทางพันธุกรรมของพืชครับ/ค่ะ ดังนั้นพวกเขาไม่ใช่พืชเหมือนกันและไม่สามารถแทนที่กันได้ในการใช้งานในอาหารได้ แต่มันก็มีลักษณะทางกลิ่นและรสชาติที่คล้ายกันบ้าง อย่างไรก็ตามทั้งสองกลายเป็นส่วนผสมที่อร่อยในอาหารเหมือนกัน
ปลูกหอมแดงชอบแดดไหม
หอมแดงชอบแดดและควรปลูกในที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มวันหรืออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวันเพื่อให้พัฒนาและเจริญเติบโตได้ดีครับ/ค่ะ อย่างไรก็ตามอย่าให้แดดเผาให้ใบเหลืองหรือแห้งได้นะ ให้รดน้ำเพียงพอและให้พ้นหลังต้นหอมแดงสักครั้งหลังจากปลูกในดิน หลังจากนั้นก็ต้องรักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอโดยการรดน้ำอย่างเหมาะสมตามความต้องการของพืช หอมแดงจะเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำดี อย่าให้น้ำขัง
วิธีปลูกต้นหอมในกระถางอย่างง่าย โตเร็ว และสะดวกสบายในการดูแล
การปลูกต้นหอมในกระถางวิธีที่ง่ายและได้ผลดี
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมดิน
- เลือกกระถางที่มีรูน้ำหรือรูระบายน้ำดี เพื่อให้น้ำไม่ขัง
- ใช้ดินปลูกผสมดินปลูกสำเร็จรูปหรือแกลบดำผสมกับปุ๋ยคอกเก่าให้เหมาะสม
ขั้นตอนที่ 2 : การเพาะเมล็ดหรือการปลูกต้นหอมที่ดี
- ใช้เมล็ดต้นหอมที่มีคุณภาพ
- กระจายเมล็ดบนดินปลูกเป็นชั้นบางๆ และคลุมด้วยดินปลูกอีกครั้งเพื่อให้เมล็ดติดต่อกับดิน
ขั้นตอนที่ 3 : การรดน้ำและการดูแล
- รดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่แฉะ
- ควรรดน้ำทุกวันเช้าหรือเย็นเพื่อให้ดินชุ่มชื้นตลอดเวลา
- ตัดแต่งใบที่เหี่ยวเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของต้นหอม
ขั้นตอนที่ 4 : เก็บเกี่ยวและใช้
- พอเห็นใบเริ่มขึ้นมา สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้
- ไม่ต้องรอให้โตมากขึ้นมาก่อน โดยเก็บเกี่ยวใบตอนใบยังอ่อนอยู่จะได้รสชาติหอมเข้ม
- นำใบหอมมาใช้ทำอาหารตามสูตรที่ชอบ เช่น ตำไทย หรือซุปก็เหมาะที่จะเติมใบหอมลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ
ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ สามารถปลูกต้นหอมในกระถางได้สะดวกสบายและได้ผลดีตามที่ต้องการ
สรุป
หอมแดงชอบแดดและควรปลูกในที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มวันหรืออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน โดยให้รักษาความชื้นในดินให้เหมาะสมและระบายน้ำดี ไม่ควรให้แดดเผาใบหรือใบแห้ง และควรรักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอโดยการรดน้ำอย่างเหมาะสมตามความต้องการของพืช